วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

some time, sometimes, sometime ต่างกันยังไง?


เห็นหัวข้อแล้วหลายคนอาจจะงงๆว่าพวกเราจะเขียน sometime สามรอบทำไม ลองดูดีๆสิคะ ดูว่าสามคำนี้ที่มีหน้าตาคล้ายกันมากมีข้อแตกต่างกันอย่างไร แน่ะๆ บางคนอาจะตอบว่าเว้นวรรคไม่เหมือนกัน อันนึงมี s อันนึงไม่มี  แล้วมีใครรู้มั้ยคะว่า some time, sometimes, sometime มันมีความหมายเหมือนหรือแตกต่างกันยังไง ถ้ายังไม่รู้วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจให้ทุกคนได้รู้เอง

อย่างแรกที่จะบอกก็คือ some time, sometimes, sometime พูดถึงเรื่องเวลาเหมือนกัน แต่มีวิธีใช้และความหมายไม่เหมือนกันนะคะ

มาดูกันว่าแต่ละอันหมายความว่าอย่างไร และมีวิธีใช้แบบไหนกันบ้าง
some time (ซัม ไทม)
  • You know it takes some time to do that sort of thing.
  • เธอก็รู้นี่ว่ามันต้องใช้เวลาในการทำสิ่งเหล่านั้น
  • I think I will spend some time listen to that lesson again.
  • ฉันคิดว่าฉันต้องใช้เวลาบางส่วนฟังบทเรียนนั้นอีกครั้งแล้วล่ะ
sometimes (ซัมไทมสฺ)
  • I sometimes walk my dog after dinner.
  • บางครั้งฉันจะพาสุนัขของฉันไปเดินเล่นหลังทานข้าวเย็น
  • Sometimes I am so tired I can’t get out of the bed!
  • บางครั้งฉันก็เหนื่อยมากจนไม่สามารถลุกจากเตียงได้
sometime (ซัมไทม)
  • They hoped to meet up sometime.
  • พวกเขาหวังว่าจะได้เจอกันอีก ในเวลาใดเวลาหนึ่ง ไม่ได้เจาะจง แค่หวังว่าในอนาคตซักวันน่าจะได้พบกันอีก
  • I went to Peter’s sometime last month.
  • ในกรณีนี้บอกว่าฉันได้ไปหาปีเตอร์บ้างที่บ้านของในในช่วงเดือนก่อน แต่ไม่ได้ระบุว่าเวลาไหนบ้าง ไปมากี่ครั้ง อาจะไปหลายครั้งหรือครั้งเดียวก็ได้
  • Let’s go and see Peter sometime next week.
  • ในที่นี้บอกว่า ไปหาปีเตอร์บ้างเถอะอาทิตย์หน้า ไม่เจาะจงว่าวันไหนหรือกี่วันแต่บอกแค่ว่าอาทิตย์หน้าวันใดวันหนึ่งจะไปหาปีเตอร์

ในที่นี้เป็นลักษณะการบอกว่า บางเวลา ประมาณว่ามีเวลาเท่าไหร่ หรือต้องการเวลาเท่าไหร่บ้าง จะคล้ายๆเวลาเราบอกว่า some food อาหารบางส่วนหรือบางอย่าง หรือ some people คนบางคน
ตัวอย่างเช่น
ในที่นี้มีหน้าที่เป็น adverb บอกความถี่ (adverb of frequency)  มีความหมายว่า บางครั้ง
ตัวอย่างเช่น
หมายถึง ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นบางเวลาในอดีต หรือบางเวลาในอนาคตก็ได้ โดยเราไม่จำเพาะเจาะจงลงว่าเวลาไหน แค่พูดถึงช่วงเวลาในตอนนั้น หรือซักช่วงในอนาคตข้างหน้า
พอจะเข้าใจความแตกต่างของทั้งสามคำนี้บ้างหรือยัง ไม่ยากเลยใช่มัยคะ แค่ต้องลองสังเกตแล้วนึกความหมายดูดีๆว่าเราต้องการสื่ออะไร หรือคนพูดต้องการสื่ออะไร เพียงเท่านี้ การนำ some time, sometimes, sometime มาใช้ก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้วล่ะค่
อ้างอิง: http://www.dailyenglish.in.th/how-to-use-sometime/

Life, Live, Leave, Lift ออกเสียงต่างกันอย่างไร


life (n.) ชีวิต ลายฟฺ/ไลฟฺ 

I love my life. ฉันรักชีวิตของฉัน

live (adj.) สด ลายฟฺ/ ไลฟฺ โดย ฟ ก้อง 

I'm watching live TV. ฉันกำลังดูทีวีสด

live (v.) อาศัยอยู่ ลิฟฺ โดย ฟ ก้อง

Where do you live? คุณอาศัยอยู่ที่ไหน
I live in ฺBangkok. ฉันอยู่กรุงเทพฯ

leave (v.)  ฝาก, ออกไป ลีฟฺ โดย ฟ ก้อง

Do you want to leave a message? อยากฝากข้อความไว้มั้ย
Please leave. กรุณาออกไป

lift (v./n.) ยก/ลิฟต์ ลิฟฺทฺ 

I like to lift weights. ฉันชอบยกน้ำหนัก
Where's the lift? ลิฟต์อยู่ไหน 

***แต่ที่อเมริกาก็จะใช้คำว่า elevator แทน lift

อ้างอิง: http://www.ajarnadam.tv/blog/life-live-leave-lift

เลิกสับสนระหว่าง Adjective กับ Adverb กันเถอะ

มีหลายคนที่ยังคงสับสนอยู่กับเรื่องของ Adjective และ Adverb ซึ่งไม่แปลกครับ คุณคือคนปกติทั่วไปเพียงแค่คุณต้องมาให้เวลาเพื่อทำความเข้าใจ กับคำสองคำนี้อีกนิดเท่านั้นเอง


ถ้างั้นขอเริ่มที่ Adverb หรือคำกริยาวิเศษณ์ (ผมชอบจำว่า Add + Verb คำที่เพิ่มเติมจาก verb) คือคำที่ทำหน้าที่ขยายคำกริยา โดยเราสามารถพบเจอ adverb ได้หลายตำแหน่งในประโยค ไม่ว่าจะเป็น หน้าคำกริยา หลังคำกริยา หลังคำนามที่ทำหน้าที่เป็นกรรม หน้าคำคุณศัพท์ (Adjective) หรืออยู่หน้าคำกริยาวิเศษณ์เอง (Adverb) เช่น

  • Carefully อย่างระมัดระวัง
    Handle the glasses carefully. (ถือแก้วอย่างระมัดระวัง)
    Carefully ทำหน้าที่เป็น Adverb ขยายคำกริยา (handle) และวางอยู่หลัง กรรม (the glasses)

  • Already เรียบร้อยแล้ว
    Their baby is able to walk already. (ลูกของพวกเขาสามารถเดินได้เรียบร้อยแล้ว)
    Already ทำหน้าที่เป็น Adverb ขยายคำกริยา (walk) และวางอยู่หลัง กริยา (walk)
  • Often บ่อยๆ
    He often goes to the park. (เข้าไปที่สวนสาธารณะอยู่บ่อยๆ)
    Often ทำหน้าที่เป็น Adverb ขยายคำกริยา (go) และวางอยู่หน้า กริยา (go)
    ** ประโยคนี้มีประธานเป็นเอกพจน์ คำกริยาจึงต้องผันตามประธานโดยการเติม -es
  • Quite ค่อนข้าง
    The movie is quite fun. (ภาพยนตร์ค่อนข้างสนุก)
    Quite ทำหน้าที่เป็น Adverb ขยายคำคุณศัพท์ (fun) และวางอยู่หน้า คำคุณศัพท์ (fun)
  • Very มาก(เป็นการเน้นย้ำ)
    A turtle walks very slowly. (เต่าเดินช้ามาก)
    Very ทำหน้าที่เป็น Adverb ขยายคำกริยาวิเศษณ์ (slowly) และวางอยู่หน้า คำกริยาวิเศษณ์ (slowly)
    *** หากเราแปลคำๆนั้นแล้วเห็นว่า คำๆนั้นทำให้เราเห็นภาพของคำกริยาชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม ให้คิดไปก่อนเลยว่านั้นคือคำกริยาวิเศษณ์ หรือ Adverb ครับ
***Adverb บางคำเกิดจากการนำเอา Adjective มาเติม –ly เช่น completely (อย่างสมบูรณ์), successfully (อย่างประสบความสำเร็จ)
ต่อมาถึงคิวของ Adjective แล้วหละครับ สำหรับ adjective หรือคำคุณศัพท์ คือคำที่ทำหน้าที่ขยายคำนาม โดยทั่วไปจะพบเจอได้ที่หน้าหรือหลังคำนาม และหลัง V. to be เช่น
  • Tired เหนื่อย
    I am tired. (ฉันเหนื่อย)
    Tired ทำหน้าที่เป็น Adjective ตามหลัง V. to be (am)
  • Out of ออกจาก
    Nobody was allowed to go out of the room. (ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ออกไปจากห้องนี้)
    Out of ทำหน้าที่เป็น Adjective อยู่หน้าคำนาม (the room)
  • Happy
    You made me happy. คุณทำให้ฉันมีความสุข
    Happy ทำหน้าที่เป็น Adjective อยู่หลังคำนาม (me)
    *** หากเราแปลคำๆนั้นแล้วเห็นว่า คำๆนั้นทำให้เราเห็นภาพของคำนามชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม (เห็นหรือเข้าใจว่านามนั้นเป็นแบบไหน มีลักษณะอย่างไร มีปริมาณขนาดไหน ให้คิดไปก่อนเลยว่านั้นคือคำคุณศัพท์ หรือ Adjective 
อ้างอิง: http://www.dailyenglish.in.th/adjective-vs-adverb/

การออกเสียงภาษาอังกฤษ Schedule, Volume, Jewelry, Probably, Squirrel, Lingerie, Strawberry




volume ฟอลฺยิวมฺ  ระดับเสียง
value (n.) แฟ็ลยิว  คุณค่า, มูลค่า (v.) ถือว่ามีค่า
Could you please turn up the volume?  คุณช่วยเพิ่มระดับเสียงหน่อยได้ไหม?
squirrel (n.) เซกวอร-โอ็ลฺ  กระรอก
probably (adv.)  พรอบับบลี/พรอบลี คงจะ
I’ll probably go.  ฉันคงจะไป
bologna (n.)  เบอะโลนี ไส้กรอกสำหรับทำแซนวิช
quay (n.) คี  ท่าเรือ
literature (n.) ลิ-เดอร-เหริท-เชอรฺ  วรรณกรรม
-ture  ท้ายคำ ออกเสียงว่า  cher  เชอรฺ
jewelry (n.)  จิว-โว็ลฺ-รี/โจ็ลฺ-รี/จิว-เวิลฺ-รี เครื่องเพชร  เครื่องประดับ
lingerie (n.) ลองเจอะเร ชุด(เซ็กซี่)ของผู้หญิง
executive (n.) อิกเซ็คยิวถิฟฺ ผู้บริหาร
strawberry (n.) สทรอเบะรี สตอร์เบอรรี่
schedule (n.) สเก็ดจิวโว็ลฺ~
สเก็ดจิวเวิลฺ / สเก็ดโจ็ลฺ~สเก็ดเจิลฺ ตารางงาน/เรียน
What’s your schedule like next week?  ตารางงานอาทิตย์หน้าของคุณเป็นอย่างไร?
Are you free? คุณว่างไหม?
Look at your schedule. ดูตารางงานของตัวเอง
See if you’re free.  ดูว่าคุณว่างรึเปล่า
Check your schedule. เช็คตารางานของคุณ
vegetable (v.) เฟ็จฺเถอะโบ็ลฺ~
เฟ็จฺเถอะเบิลฺ  ผัก
oil (n.) โอยโอ็ลฺ~โอยเอิลฺ  น้ำมัน
toy (n.) โทย  ของเล่น
boy (n.) โบย เด็กผู้ชาย

อ้างอิง: http://www.ajarnadam.tv/blog/schedule-volume-jewelry-probably-squirrel-lingerie-strawberry-oil-executive

ไม่เป็นไรภาษาอังกฤษ พูดว่ายังไงกันแน่?

คำติดปากคำหนึ่งของคนไทยเราคือคำว่าอะไรพอจะบอกกันได้ไหมคะ?
        “ไม่เป็นไร” เชื่อว่าส่วนใหญ่จะใช้คำนี้กันเป็นประจำ เพราะใช้ได้ในหลายบริบท จะตอบรับคำขอบคุณ ก็บอกว่า “ไม่เป็นไร” จะตอบรับคำขอโทษ ก็บอกว่า “ไม่เป็นไร” หรือแม้กระทั่งโกรธกันกับแฟน พอแฟนถามก็ยังบอกว่า “ไม่เป็นไร!!” (เอ๊ะ เดี๋ยวๆ ไม่ใช่ละๆ 555) เพลงหลายเพลงก็ชื่อไม่เป็นไร ทั้งเพลง “ไม่เป็นไรเลย” ของ Nuvo “ไม่เป็นไรหรอก” ของ NAP A LEAN หรือ “ไม่เป็นไร” ของ พลพล โห! เห็นไหมคะว่าในสังคมไทยเรามีใช้กันเยอะมาก
          และแน่นอนว่าฝรั่งเองเค้าก็มีคำว่าไม่เป็นไรไว้ใช้เช่นกัน ไม่แตกต่างจากเราหรอกค่ะ วันนี้พวกเรา Daily English เลยจะนำเสนอคำว่าไม่เป็นไรในหลายๆแบบให้ทุกคนได้ลองนำไปใช้กันนะคะ

คำว่า “ไม่เป็นไรภาษาอังกฤษ” มีอยู่ 2 ประเภท

ประเภทที่ 1  ใช้ตอบรับการขอบคุณ
พอเราได้ไปช่วยเหลือใครแล้วเป็นธรรมดาที่พวกเขาก็ต้องกล่าวขอบคุณเรา ฝรั่งเค้าก็อาจจะพูดกับเราว่า Oh, thank you very much for helping me. เชื่อว่าหลายคนก็คงมีโมเม้นที่ได้แต่พยักหน้าส่งยิ้มแหยๆไปให้ ถ้าเราไม่ตอบเลยมันก็จะดูเหมือนเราเสียมารยาท แต่ตอนนั้นมันนึกไม่ออกจริงๆใช่ไหมล่ะคะ แต่หลังจากนี้ปัญหานี้จะหมดไป เพราะถ้าเมื่อไหร่มีคนต่างชาติขอบคุณเราที่เราช่วยเหลือเขาก็ใช้ประโยคพวกนี้ตอบกลับเขาไปได้เลยค่ะ
It’s my pleasure. /It’s a pleasure./ You’re welcome
(อิทสฺ มาย เพลเช้อรฺ / อิทสฺ สะ เพลเช้อรฺ / ยัวรฺ เวลคัม)
ด้วยความยินดี เหล่านี้ทุกคนอาจจะงงว่า เฮ้ย ไม่ได้แปลว่าไม่เป็นไรซะหน่อย แต่พวกนี้เหมาะแก่การตอบรับเวลามีคนขอบคุณมากที่สุด เพราะเป็นการแสดงความยินดีที่จะช่วย ไม่เกี่ยงงอน พร้อมทำให้เสมอ ดีกว่าคำว่าไม่เป็นไรเยอะ แต่ความหมายโดยในหมายถึงก็หมายถึงไม่เป็นไรได้เช่นกัน

I’m glad to do it. (แอม แกลด ทู ดู อิท) ฉันยินดีที่จะทำมันให้คุณ คล้ายๆกับกลุ่มด้านบนไม่ได้บอกตรงๆว่าไม่เป็นไร แต่ฉันยินดีทำให้คุณนะ
Not at all (นอท แอท ออล) อันนี้แหละค่ะมีความหมายว่าไม่เป็นไรล่ะ
Don’t mention it (ด้อนทฺ เมนเชิน อิท) แปลตรงตัวคือ ไม่ต้องพูดถึงมันหรอก แบบว่าฉันทำให้เธอไม่ได้หวังอะไร ไม่ต้องพูดถึงมันหรอก
It’s nothing (อิทสฺ นอทธิง) ในที่นี้มีความหมายว่าไม่เป็นไร แบบสิ่งที่เราทำให้เราเต็มใจ ไม่ต้องคิดมาก ไม่มีอะไรมากหรอก ลักษณะจะคล้ายๆ Don’t mention it
ประเภทที่ 2 ใช้ได้ทั้งตอบรับคำขอบคุณ และตอบรับคำขอโทษ
That’s all right. / That’s OK. / It’s all right. / It’s OK.
( แดทสฺ ซอล ไร้ทฺ / แดทสฺ โอเค/ อิทสฺ ออล ไรธ/อิทสฺ โอเค)
คำเหล่านี้อยู่ในหมวดเดียวกัน แปลว่า ไม่เป็นไร ใช้ได้ง่ายและว่าไปได้ยินบ่อยมากๆเหมือนกัน นอกจากจะเป็นไม่เป็นไรที่ใช้ตอบรับคำขอบคุณ และขอโทษแล้ว ยังสามารถใช้ในกรณีต้องการบอกว่า ทุกอย่างโอเค ไม่มีปัญหาอะไรได้ด้วย เช่น เจนนี่โดนลูกค้าด่ามาเพื่อนก็มารุมถามด้วยความเป็นห่วง เธอก็ตอบไปว่า “It’s all right. Just one bad day” หมายถึง ไม่เป็นไร ก็แค่วันแย่ๆวันหนึ่ง อย่างนี้ก็ใช้ได้

No problem / It doesn’t matter/ No trouble at all
(โน พรอบเบล็ม / อิท ดาสซึนทฺ แมทเทอรฺ / โน ทรับเบิล แอท ออล)
ประโยคเหล่านี้แปลว่า ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ลักษณะประมาณว่า คนที่ขอบคุณหรือขอโทษเราคิดว่าเขาสร้างปัญหาให้เรา เราก็พูดให้เขารู้สึกดีว่า No problem / It doesn’t matter/ No trouble at all ให้เขารู้ว่า เรื่องของเขาไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของเราเลย ไม่เป็นไร อย่ากังวล เช่น เจนนี่โดนวานให้วิ่งไปเอากล่องพัสดุให้เพื่อนของเธอที่รู้สึกเกรงใจเธอมาก เจนนี่ก็ตอบกลับเพื่อนของเธอว่า “No problem. I’ll get it for you” ไม่มีปัญหาน่า เดี๋ยวฉันไปเอามาให้ หรือเมื่อเจนนี่เห็นคนแก่ข้ามถนนเธอก็รีบลงไปช่วยพาข้าม คนแก่ก็ขอบคุณเธอ เจนนี่ก็อาจจะตอบรับว่า “No problem” ก็ได้

Don’t worry about it (ด้อนทฺ วอรี เออะเบาทฺ อิท) แปลว่า ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับมัน หรือไม่ต้องคิดมากนั่นเอง อาจมีคนขอบคุณหรือขอโทษเราแต่เราไม่ได้คิดอะไรก็บอกเค้าไปว่า เฮ้ยไม่ต้องคิดมาก อย่ากังวลเลย อันนี้เราใช้ในกรณีอยากปลอบใจคนฟังก็ได้นะคะ ถ้าเพื่อนเราเจอปัญหามาแล้วกำลังเครียดๆเราก็บอกเค้าได้ว่า Don’t worry about it อย่ากังวลไปเลย
แล้ว never mind ล่ะ ใช้ไม่ได้รึไง??
หลายคนชอบใช้คำว่า never mind เพื่อตอบรับคำขอบคุณหรือขอโทษ แต่จริงๆแล้วไม่สามารถใช้แทนกันได้นะคะ เพราะ never mind เนี่ยจะใช้ในกรณีที่เราพยายามจะอธิบายอะไรบางอย่าง แต่ผู้ฟังกลับไม่เข้าใจ แล้วเราก็ไม่อยากพูดต่อแล้ว ก็บอกว่า never mind ไป เอาจริงๆแล้วมันมีความหมายว่า “ช่างมันเถอะ” นั่นเอง
ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกคำพูดที่เราใช้สื่อสารก็ต้องดูที่น้ำเสียง ท่าทางด้วย ถ้าเราเป็นคนพูด ถ้าไม่เป็นไรก็ใช้น้ำเสียงที่แสดงออกว่าไม่เป็นไรจริงๆ ไม่ใช่ว่าพูดห้วนๆเพราะคนฟังก็จะรับรู้ว่าที่บอกว่าไม่เป็นๆ ที่จริงแล้วเราไม่เต็มใจ
คราวนี้ถ้าสมมติผู้อ่านเจอฝรั่งมาขอบคุณ หรือขอโทษขอโพย ก็ไม่ต้องแค่ส่งยิ้มแหยๆ หรือเดินจากไปเฉยๆแล้วนะคะ ทุกคนก็แค่เลือกคำเหล่านี้ไปลองใช้ดูนะคะ
อ้างอิง: http://www.dailyenglish.in.th/no-problem-in-english/

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ขอนั่งด้วยได้มั้ย ขอร่วมโต๊ะด้วยได้มั้ย ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร



Can I sit at your table? ขอนั่งที่โต๊ะคุณได้ไหม
May I sit at your table? ขอนั่งที่โต๊ะคุณได้ไหม
Is this seat taken? เก้าอี้ตัวนี้มีคนนั่งหรือยัง
She is taken. เธอไม่โสดแล้ว
I’m taken. ฉันไม่โสดแล้ว
Is this chair available? เก้าอี้นี้ว่างไหม
Is this seat open? เก้าอี้ตัวนี้ว่างไหม
Do you mind if I sit here? คุณรังเกียจไหมถ้าฉันจะนั่งตรงนี้
Would you mind if I sat here? คุณรังเกียจไหมถ้าฉันจะนั่งตรงนี้
No, I don’t mind. ไม่รังเกียจ
แต่บางทีจะมีคนตอบไม่ตรงคำถามว่า Yes, you can. 
ซึ่งเราจะรู้จากกิริยาท่าทางของเค้าว่าเค้าไม่ได้รังเกียจคะ



อ้างอิง : http://www.ajarnadam.tv/blog/is-this-seat-taken